ลูกหนี้ดื้อ ไม่มี ไม่หนี และไม่จ่าย ทำอย่างไรดี
บทความการบังคับคดี
เมื่อยามตกทุกข์ได้ยากจะมีคนบางจำพวกที่เข้ามาขอร้องอ้อนวอนเพื่อให้เราช่วยเหลือ โดยมีเหตุผลร้อยแปดนา ๆ ประการ บางท่านเหล่านั้นไม่เคยถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของเราเลย ต่อเมื่ออยากได้เงินหรือความช่วยเหลือจากเราผู้เป็นเจ้าหนี้ คำถามแรก ๆ ที่ท่านเหล่านั้นจะใช้สื่อสารกับเรา คือ "พอมีเงินให้ยืมหรือไม่พรุ่งนี้หรือสิ้นเดือนจะรีบคืนให้” แถมรับปากกับผู้เป็นเจ้าหนี้อย่างมั่นใจว่า คนอย่างฉันไม่เคยโกงใครแน่นอนขอให้เชื่อใจ จึงทำให้เจ้าหนี้บางท่านสงสารและให้ความช่วยเหลือในที่สุด ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ยังเดือดร้อนอยู่
ไม่นานเกินรอความจริงปรากฏลูกหนี้ที่รักหายจ๋อย พร้อมๆกันนั้นไวรัสลงมือถือซะงั้น ติดต่อไม่ได้ ลบเพื่อนในเฟสบ๊ค ลบไลน์ หรือหากติดต่อได้ก็จะได้รับคำตอบจากท่านเหล่านั้นว่า “ช่วงนี้ยุ่งอยู่เดียวติดต่อกลับนะ” จนเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ผู้แสนดีต้องสั่งสอนโดยการยื่นฟ้องต่อศาล จนศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้เจ้าลูกหนี้ตัวแสบชดใช้เงินอย่างสาสมพร้อม ๆ กับดอกเบี้ยและค่าทนายความ
แต่เอ๊ะ ทำไมศาลท่านมีคำพิพากษาแล้วลูกหนี้ก็ยังนิ่งเฉยอยู่ เมื่อไหร่จะนำเงินมาคืนสักทีจะทำอย่างไรดี วันนี้มีคำตอบครับว่าลูกหนี้แบบนี้เราจะจัดการอย่างไรถึงจะสาสมและไม่ผิดกฎหมาย
ว่าด้วยเรื่องการบังคับคดี
ป.วิ.แพ่ง ได้วางหลักการขอบังคับคดีไว้ว่า ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระหนี้ (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ ได้รับชำระหนี้ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยวิธีการยึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่น ตามบทบัญญัติแห่งภาคนี้ภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง และถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้เรียกร้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องใดไว้ หรือดำเนินการบังคับคดีโดยวิธีอื่นไว้บางส่วนแล้วภายในระยะเวลาดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จได้
ถ้าคำพิพากษาหรือคำสั่งกำหนดให้ชำระหนี้เป็นงวด เป็นรายเดือน หรือเป็นรายปี หรือกำหนดให้ชำระหนี้อย่างใดในอนาคตให้นับระยะเวลาสิบปีตามข้อหนึ่งตั้งแต่วันที่หนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นอาจบังคับให้ชำระได้
ถ้าสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นการให้ชำระเงินส่งคืนหรือส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง บุคคลซึ่งได้รับโอน หรือรับช่วงสิทธิ ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นมีอำนาจบังคับคดีตามความในหมวด 2 การบังคับคดีที่เป็นหนี้เงิน หรือหมวด 3 การบังคับคดีในกรณีที่ให้ส่งคืนหรือส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง แล้วแต่กรณี โดยการร้องขอต่อศาลเพื่อเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป
จะเห็นได้ว่าเมื่อศาลได้ได้มีคำพิพากษาแล้วและส่งคำบังคับ (หนังสือแจ้งให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล) ให้ลูกหนี้ทราบแล้ว และลูกหนี้เพิกเฉย กระบวนการต่อไปเจ้าหนี้ต้องมีคำขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้
เมื่อได้หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีมาแล้ว ต่อไปเราต้องรู้ก่อนว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เงินฝากในบัญชี เงินเดือน โบนัส ที่ดิน เหล่านี้หากเจ้าหนี้ทราบ เจ้าหนี้สามารถยื่นเอกสารตามแบบที่สำนักงานบังคับคดีกำหนด เพื่อขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ อย่าลืมว่าถึงจะได้เงินคืนช้าแต่ดอกเบี้ยของเจ้าหนี้พร้อมค่าใช้จ่ายต่างๆที่สำรองออกไปก่อน ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบทุกบาททุกสตางค์นะครับ ทีนี้แหละลูกหนี้ผู้หัวดื้อเมื่อรู้ว่าถูกยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือน ความน่ารักน่าเอ็นดูของเขาก็จะกลับมาเหมือนเมื่อก่อน รายละเอียดลึกๆคอยติดตามตอนต่อไปนะครับ
ทนายเอกรินทร์ เขียนแก้ว

