ว่ากันว่าตอนรักไม่ยากแต่ลำบากตอนลืม
บทความคดีอาญา
ว่ากันว่าตอนรักไม่ยากแต่ลำบากตอนลืม
การที่จะหย่ากันได้จะต้องมีการสมรสที่สมบูรณ์ก่อน การสมรสที่เป็นโมฆะฟ้องหย่าไม่ได้
การหย่าจึงสามารถทำได้ 2 ทาง คือ 1) หย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย 2) คู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยากจะหย่าแต่อีกฝ่ายไม่อยากหย่า อีกฝ่ายจึงจะต้องมาฟ้องหย่าต่อศาล แต่การที่จะฟ้องหย่าต่อศาลได้นั้นกฎหมายก็ได้กำหนดไว้อีกว่าต้องมีเหตุที่จะหย่าเสียก่อนจึงจะหย่าได้
เมื่อจดทะเบียนสมรสกันแล้ว คู่สมรสควรที่จะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสอีกฝ่าย เพื่อให้ครอบครัวเดินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรที่จะช่วยกันสร้างฐานะเพื่อความเป็นอยู่สบายของครอบครัว ไม่ใช่ช่วยสร้างปัญหา แต่ก็อย่างว่าที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์ ไม่มากก็น้อย ซึ่งเป็นสัจธรรมและเป็นของธรรมดาคู่โลก แต่เมื่อรู้แล้วว่าสามีหรือภริยาเราแอบนอกใจหรือออกไปมีคอบครัวใหม่ จะทำอย่างไรดีเมื่อทะเบียนสมรสยังคงถือว่าเป็นสามีภริยากันอยู่ ติดต่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้หรือถึงจะติดต่อได้อีกฝ่ายก็ไม่ยอมมาจดทะเบียนหย่าให้สักที เมื่อเป็นเช่นนี้ ป.พ.พ.มาตรา 1516 จึงได้วางหลักไว้เพื่อให้คู่สมรสใช้เหตุ เพื่อฟ้องหย่าโดยอาศัยคำพิพากษาของศาลในการหย่า
เหตุฟ้องหย่า ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1516
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
4.1 สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้จำคุกเกิน 1 ปี ในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้ก่อให้เกิดการกระทำความผิด หรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
4.2 สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน 3 ปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกิน 3 ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เกินสามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลือหรือุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อยเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมี ลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้



